การจัดฟันแบบใส vs. จัดฟันแบบโลหะ: แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
เมื่อพูดถึงการจัดฟัน หลายคนอาจนึกถึง “เหล็กจัดฟัน” ที่มีลวดและยางหลากสีสันซึ่งเห็นได้ชัดเจนเวลาเรายิ้มหรือพูด
แต่เทคโนโลยีทางทันตกรรมได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงได้เกิด “การจัดฟันแบบใส”
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่อยากแก้ไขการเรียงตัวของฟันให้สวยงามโดยไม่ต้องติดเหล็กให้เห็นเด่นชัด
สำหรับผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าการจัดฟันแบบใสหรือการจัดฟันแบบโลหะเหมาะกับตนเองมากกว่ากัน
บทความนี้จะอธิบายข้อดี ข้อเสีย ราคา และระยะเวลาการรักษาของทั้งสองรูปแบบ
เพื่อช่วยให้คุณเลือกแนวทางการจัดฟันที่ตอบโจทย์ได้อย่างเหมาะสม
1) การจัดฟันแบบโลหะ (Traditional Metal Braces)
การจัดฟันแบบโลหะเป็นรูปแบบการจัดฟันที่พบเห็นได้ทั่วไป เหล็กจัดฟันจะถูกติดลงบนผิวฟันแต่ละซี่อย่างถาวร
เชื่อมโยงกันด้วยลวดที่ค่อยๆ ปรับความตึง จนเกิดแรงดึงหรือแรงผลักให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการอย่างเป็นระบบ
ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถเลือกสีของยางยึดได้ ทำให้มีเอกลักษณ์และความสนุกสนานในการเปลี่ยนสีในแต่ละเดือน
- ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ
– มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง หรือการสบฟันที่ผิดปกติ
– ราคามักจะถูกกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบใส
– ทันตแพทย์ส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้ง การปรับลวด และการดูแลหลังการติดตั้ง - ข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะ
– มองเห็นได้ชัดเจน อาจส่งผลต่อความมั่นใจเมื่อยิ้มหรือพูด
– การดูแลรักษาความสะอาดทำได้ยากกว่า ต้องแปรงฟันและทำความสะอาดซอกลวดอย่างละเอียดเพื่อป้องกันฟันผุ
– ผู้สวมใส่อาจรู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองบริเวณเหงือกและกระพุ้งแก้มได้ในช่วงแรกของการปรับลวด
2) การจัดฟันแบบใส (Clear Aligners / Invisalign)
การจัดฟันแบบใส หรือที่หลายคนอาจเรียกติดปากว่า Invisalign คือการใช้แผ่นพลาสติกใสเกรดพิเศษที่ออกแบบเฉพาะบุคคล
ครอบลงบนผิวฟัน โดยแต่ละชุดจะมีการออกแบบให้เคลื่อนฟันทีละน้อย สัปดาห์ละประมาณ 1-2 มม.
จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชุดถัดไปตามแผนของทันตแพทย์ จนกว่าฟันจะเรียงตัวในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ข้อดีของการจัดฟันแบบใส
– แทบมองไม่เห็น ทำให้ผู้สวมใส่มีความมั่นใจมากขึ้นในชีวิตประจำวัน
– ถอดออกได้ตามต้องการ เช่น ตอนรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน จึงทำความสะอาดได้ง่าย
– ผู้สวมใส่ไม่ต้องกังวลเรื่องลวดบาดเหงือกหรือลวดบาดกระพุ้งแก้ม - ข้อเสียของการจัดฟันแบบใส
– มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าแบบโลหะ
– อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันอย่างรุนแรง เช่น ขากรรไกรเบี้ยวหรือการสบฟันผิดปกติมาก
– ต้องมีวินัยในการใส่ ถอดเฉพาะเวลาที่จำเป็น หากไม่ใส่ตามชั่วโมงที่กำหนด ผลลัพธ์อาจล่าช้า
3) เปรียบเทียบราคาและระยะเวลาการรักษา
ราคา: การจัดฟันแบบโลหะจะมีราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบใส
แต่ก็ขึ้นอยู่กับคลินิกทันตกรรมและประสบการณ์ของทันตแพทย์ด้วย ในกรณีที่ฟันซ้อนเกมากหรือมีความผิดปกติของการสบฟัน
ค่าใช้จ่ายของการจัดฟันแบบใสอาจสูงขึ้นไปอีก
ระยะเวลาการรักษา:
การจัดฟันแบบโลหะมักใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา
ส่วนการจัดฟันแบบใสบางครั้งอาจเสร็จเร็วกว่าหรือเท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนชุดแผ่นใส
และความร่วมมือของผู้สวมใส่ในการใส่ตามชั่วโมงที่แพทย์กำหนด
4) สรุป: แบบไหนเหมาะกับคุณ?
– หากคุณให้ความสำคัญกับความประหยัดและต้องการวิธีที่ได้ผลแน่นอนในทุกกรณี
การจัดฟันแบบโลหะอาจตอบโจทย์
– หากคุณกังวลเรื่องภาพลักษณ์ ไม่ต้องการให้มีเหล็กจัดฟันปรากฏเมื่อยิ้มหรือพูดคุย
และพร้อมที่จะลงทุนมากขึ้น การจัดฟันแบบใสอาจเหมาะสมกว่า
– อย่าลืมปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพช่องปาก วางแผน
และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองระบบอย่างครอบคลุม
ท้ายที่สุด การตัดสินใจเลือกระหว่างการจัดฟันแบบใสกับการจัดฟันแบบโลหะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ความสวยงาม
รวมถึงระยะเวลาที่คุณสามารถรองรับได้ การจัดฟันไม่เพียงช่วยให้ฟันเรียงตัวสวย
แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากในระยะยาวอีกด้วย