การจัดฟัน
ข้อมูลเกี่ยวกับ การจัดฟัน

การจัดฟันคือกระบวนการปรับตำแหน่งของฟันที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ฟันเก, ฟันสบลึก, ฟันสบเปิด หรือฟันยื่น เป็นต้น เพื่อให้ฟันมีการเรียงตัวที่ดีขึ้น อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม การบดเคี้ยวอาหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น

 

 

ประโยชน์ของการจัดฟัน

การจัดฟัน (Orthodontic Treatment) ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาด้านความสวยงามของฟันหรือการเรียงตัวของฟันเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวมของเรา การจัดฟันเป็นศาสตร์ที่ผสมผสานระหว่างทันตกรรมและวิทยาศาสตร์ด้านการเคลื่อนตัวของฟัน รวมถึงความเข้าใจด้านโครงสร้างกระดูกขากรรไกรและใบหน้าอย่างลึกซึ้ง การจัดฟันจึงเป็นทางเลือกการรักษาที่ครอบคลุมและมีประโยชน์ไกลกว่าที่หลายคนเคยคาดคิด

หนึ่งในประโยชน์หลักที่หลายคนทราบกันดีคือ การปรับปรุงรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ การมีฟันที่เรียงตัวสวยงาม ทำให้รอยยิ้มดูโดดเด่นและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่การปรากฏตัวภายนอกมีผลต่อการใช้ชีวิต การงาน หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การจัดฟันจึงช่วยส่งเสริมให้บุคลิกภาพดีขึ้นอย่างมาก บางคนที่เคยปิดปากหรือไม่กล้ายิ้มเพราะกังวลเรื่องฟันซ้อน เก ฟันยื่น หรือฟันกัดเบี้ยว เมื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะเปิดเผยรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจ และส่งเสริมภาพลักษณ์ในทางที่ดีขึ้น

นอกจากความสวยงามแล้ว การจัดฟันยังเป็นการช่วย ปรับปรุงการสบฟันและการเคี้ยวอาหาร ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟันที่เรียงตัวไม่ถูกตำแหน่ง เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันสบลึก หรือฟันสบเปิด อาจส่งผลให้เราเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดเท่าที่ควร บางครั้งอาจทำให้ปวดกราม หรือมีอาการไม่สบายตามข้อต่อขากรรไกร การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดอาจส่งผลถึงกระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะและลำไส้ต่อไป ดังนั้นเมื่อฟันเรียงตัวและสบกันในตำแหน่งที่ถูกต้อง กระบวนการบดเคี้ยวอาหารก็จะดีขึ้น ลดอาการปวดหรือเคี้ยวติดขัดในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพทางเดินอาหารทางอ้อมได้อีกด้วย

อีกข้อดีสำคัญของการจัดฟันคือ การลดความเสี่ยงต่อปัญหาช่องปากอื่น ๆ เช่น การเกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ฟันที่เรียงตัวไม่ถูกต้อง เช่น ฟันซ้อนเกหรือฟันบางซี่อยู่เกินออกมาเกินกว่าปกติ อาจทำให้ทำความสะอาดได้ยาก มีซอกเล็กหรือจุดที่แปรงสีฟันหรือไหมขัดฟันเข้าไม่ถึง จนเกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน นานวันเข้าก็จะส่งผลให้ฟันผุหรือติดเชื้อที่เหงือกได้ การจัดฟันจะช่วยปรับตำแหน่งฟันให้เรียงตัวเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย ลดโอกาสเกิดปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในแง่ของ การออกเสียง การเรียงตัวของฟันและขากรรไกรที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้บางคนพูดไม่ชัด หรือมีปัญหาการออกเสียงบางพยางค์ การจัดฟันสามารถช่วยให้ตำแหน่งของลิ้น ริมฝีปาก และฟัน จัดวางได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ทำให้การออกเสียงชัดเจนขึ้น และส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การพูดหรือการสื่อสารกับผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นงานประชุม สัมภาษณ์ งานพรีเซนต์ผลงาน หรืองานบริการทั่วไป

สำหรับผู้ที่มีปัญหา ความไม่สมดุลของขากรรไกร เช่น การสบฟันไขว้ (Crossbite) หรือการสบลึก (Deep Bite) ในระยะยาวอาจเกิดการสึกหรอของผิวฟันผิดปกติ บางคนอาจปวดขากรรไกร หรือมีอาการเจ็บปวดเรื้อรังบริเวณข้อต่อขากรรไกร (TMJ) อีกทั้งยังส่งผลถึงระบบกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและลำคอ การจัดฟันที่ถูกต้องตามหลักการทันตกรรมร่วมกับการประเมินขากรรไกรจึงช่วย ป้องกันปัญหาเรื้อรังในอนาคต และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับฟันและข้อต่อ

อีกทั้งการจัดฟันยังเป็น การลงทุนระยะยาวในสุขภาพช่องปาก เนื่องจากเมื่อฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ และปัญหาข้อต่อขากรรไกรในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใส่เหล็กจัดฟันหรือใส่อุปกรณ์ชนิดใด ๆ เพื่อปรับตำแหน่งฟัน อาจใช้เวลารักษา 1-3 ปีหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับจะติดตัวเราไปอีกหลายสิบปี หากมีการดูแลรักษาหลังจัดฟันอย่างเหมาะสม เช่น การใส่รีเทนเนอร์ (Retainer) ตามคำแนะนำของทันตแพทย์

ท้ายที่สุด การมีฟันที่เรียงตัวสวยไม่เพียงแค่เป็นการเพิ่มความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนการ ดูแลสุขภาพในองค์รวม เริ่มตั้งแต่โครงสร้างของใบหน้า ระบบการบดเคี้ยว การออกเสียง ไปจนถึงภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่อความมั่นใจ ความสุข และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การจัดฟันจึงเป็นทางเลือกที่ครอบคลุม และให้ประโยชน์ในระยะยาวอย่างแท้จริง

ประเมินตนเองว่า ควรต้องจัดฟันหรือยัง ?

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองต้องจัดฟันหรือไม่ การประเมินเบื้องต้นด้วยตนเองสามารถช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของสภาพฟันและความจำเป็นในการเข้ารับการรักษาได้มากขึ้น การประเมินนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้คำวินิจฉัยแทนทันตแพทย์ แต่เป็นแนวทางให้เราพิจารณาเบื้องต้น หากพบว่ามีสัญญาณปัญหาชัดเจน ก็ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

1. สังเกตรูปลักษณ์ของฟันและการสบฟัน:
เริ่มจากส่องกระจกแล้วสังเกตว่าฟันเรียงกันเป็นระเบียบหรือไม่ ฟันซ้อนเกหรือยื่นออกมามากเกินไปหรือเปล่า บางคนอาจมีฟันห่าง ช่องว่างระหว่างฟันเยอะ ทำให้ไม่มั่นใจเวลายิ้มหรือพูดคุย อีกทั้งการสบฟัน เช่น การสบลึก (Deep Bite) ที่กัดลงมาบดบังฟันล่างจนไม่เห็น หรือการสบเปิด (Open Bite) ที่ฟันหน้าบนกับฟันหน้าล่างไม่สามารถกัดกันได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณหลักที่บ่งบอกว่าการจัดฟันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

2. ปัญหาในการเคี้ยวอาหาร:
หากคุณสังเกตว่ามักเคี้ยวไม่ค่อยละเอียด ต้องเคี้ยวหลายครั้ง หรือมีอาการปวดเมื่อยขากรรไกรเมื่อเคี้ยวนาน ๆ นั่นอาจเป็นผลจากการสบฟันที่ไม่ถูกต้อง ฟันที่เรียงตัวไม่เหมาะสมจะทำให้การกัดหรือเคี้ยวอาหารไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อใบหน้า ปวดขากรรไกร หรือแม้แต่ปวดบริเวณหู การจัดฟันจะช่วยปรับแนวฟันให้สบกันอย่างถูกต้อง และลดปัญหาเหล่านี้ได้

3. ปัญหาในการออกเสียงหรือพูดไม่ชัด:
ฟันที่เรียงตัวไม่ปกติหรือสบฟันแบบผิด ๆ สามารถส่งผลต่อการวางลิ้นและตำแหน่งของริมฝีปากขณะออกเสียง โดยเฉพาะเสียงที่ต้องใช้ปลายลิ้นกระทบฟันหน้า เช่น เสียง “ส” หรือ “ซ” หากคุณรู้สึกว่าบางครั้งพูดไม่ชัดหรือมีเสียงลมเล็ดลอด เป็นไปได้ว่าการเรียงตัวของฟันมีส่วนทำให้เกิดปัญหานี้

4. ฟันผุหรือเหงือกอักเสบบ่อย ๆ :
หากคุณพบว่ามักมีปัญหาฟันผุหรือเหงือกอักเสบบ่อย อาจเกิดจากการที่ฟันเรียงตัวไม่เหมาะสมจนทำความสะอาดได้ยาก มีบริเวณที่แปรงสีฟันหรือไหมขัดฟันเข้าไม่ถึง ก่อให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ หากปล่อยไว้นาน ๆ จะนำไปสู่การอักเสบของเหงือก ฟันผุ หรือแม้กระทั่งอาจต้องถอนฟันบางซี่ในอนาคต การจัดฟันจะช่วยจัดตำแหน่งฟันให้เหมาะสม ทำให้ดูแลความสะอาดได้ง่ายขึ้น

5. ความรู้สึกไม่มั่นใจและบุคลิกภาพ:
สำหรับบางคน ปัญหาฟันที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อยอาจไม่ส่งผลต่อสุขภาพมากนัก แต่กลับมีผลกระทบต่อความมั่นใจอย่างรุนแรง รู้สึกเขินอายเวลาออกไปพูดคุยหรือยิ้ม บางคนอาจมีพฤติกรรมปิดปากหัวเราะ หรือหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปด้านใดด้านหนึ่ง เพราะอยากปกปิดฟันที่ยื่นหรือซ้อนเก การจัดฟันจะช่วยให้ฟันเรียงตัวได้ตามเกณฑ์ปกติ สร้างความมั่นใจและส่งเสริมบุคลิกภาพในระยะยาว

6. การปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ:
แม้ว่าการสังเกตด้วยตนเองจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของปัญหาได้ แต่การปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน (Orthodontist) หรือทันตแพทย์ทั่วไปที่มีความรู้ด้านการจัดฟันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทันตแพทย์จะประเมินสภาพฟัน ขากรรไกร และใบหน้าอย่างละเอียด พร้อมถ่ายภาพเอ็กซเรย์ (X-ray) หรือทำโมเดลฟันเพื่อวินิจฉัยปัญหาอย่างแม่นยำ ผลลัพธ์ของการวินิจฉัยจะนำไปสู่การวางแผนการรักษา ออกแบบอุปกรณ์จัดฟันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเหล็กจัดฟันโลหะแบบทั่วไป เหล็กจัดฟันแบบเซรามิก ใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใส (Invisalign) หรือการใช้เทคนิคอื่น ๆ ตามความจำเป็น

7. ประเมินเวลาที่ตนเองสามารถทุ่มเทให้การจัดฟัน:
การจัดฟันไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงความสวยงาม แต่ยังต้องใช้เวลาและความอดทนในการดูแล บางคนอาจใช้เวลาจัดฟัน 1-3 ปีหรือมากกว่านั้นตามความยากง่ายของเคส รวมถึงการมาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบสุขภาพช่องปาก และปรับเครื่องมือครั้งละเล็กน้อย นอกจากนี้ยังต้องมีวินัยในการดูแลความสะอาดช่องปาก การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้ไหมขัดฟัน รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อความสำเร็จของการจัดฟันอย่างมาก

8. ความพร้อมทางด้านการเงิน:
การจัดฟันถือเป็นการลงทุนระยะยาวในสุขภาพช่องปากและบุคลิกภาพ ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแตกต่างกันตามเครื่องมือ เทคนิค และระยะเวลาการรักษา ผู้ที่วางแผนจะจัดฟันควรประเมินความพร้อมทางการเงิน หากยังไม่มั่นใจ อาจปรึกษากับทันตแพทย์เพื่อสอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการผ่อนชำระ เพื่อให้สามารถวางแผนการจัดฟันได้อย่างไม่กดดันเกินไป

ค่าบริการ 39,000 - 220,000 บาท
ให้บริการ ทุกวัน
Dentist attaching metal braces to patient teeth.
การจัดฟันแบบโลหะ
39,000 - 48,000 บาท

การจัดฟันแบบโลหะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีมาอย่างยาวนาน เครื่องมือจัดฟันที่ใช้เป็นโลหะซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานสูง ทั้งยังมีราคาประหยัดเมื่อเทียบกับประเภทอื่นๆ ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันในราคาย่อมเยา แม้จะเห็นเครื่องมือได้ชัดเจน แต่การจัดฟันแบบนี้สามารถจัดเรียงฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

orthodontics-stomatology-concept-headshot-happy-asian-man-smiling-showing-dental-braces-recommend-clinic-satisfied-with-good-results-standing-white-background-pleased
การจัดฟันแบบดามอน (Damon)
50,000 - 85,000 บาท

การจัดฟันแบบดาม่อนเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้เครื่องมือจัดฟันชนิดพิเศษ โดยมีระบบ Self-ligating ที่ไม่ต้องใช้ยางรัดฟัน ทำให้แรงดึงฟันเป็นไปอย่างนุ่มนวล ลดความรู้สึกเจ็บและไม่สบายขณะจัดฟัน อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาในการรักษาและจำนวนครั้งที่ต้องไปพบแพทย์ ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ นอกจากนี้เครื่องมือดาม่อนยังมีตัวเลือกที่เป็นแบบสีเหมือนฟัน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องความสวยงามระหว่างการจัดฟัน

xr:d:DAFOJUaWmZE:25,j:38415960303,t:22101905
การจัดฟันด้านในแบบ Brava by Brius
220,000 บาท

การจัดฟันด้านในแบบ Brava by Brius คืออีกขั้นของนวัตกรรมการจัดฟันที่เน้นความสะดวกสบายของผู้รับการรักษา ลดขั้นตอนยุ่งยาก และประหยัดเวลามากขึ้น ข้อดีที่โดดเด่นคือ มองไม่เห็นเครื่องมือ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และยัง ลดระยะเวลาในการรักษา เหมาะกับผู้ที่อยากมีรอยยิ้มสวยเร็วขึ้นโดยไม่รอนานข้ามปี อีกทั้งยังไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อย ๆ เพราะใช้อุปกรณ์ชุดเดียวตลอดการรักษา สะดวกทั้งด้านเวลาและการปรับตัว ถือว่าเป็น นวัตกรรมใหม่ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการออกแบบได้อย่างลงตัว ทำให้การจัดฟันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป หากกำลังมองหาวิธีจัดฟันที่ตอบโจทย์ด้านความสวยงามและความสะดวกรวดเร็ว การจัดฟันด้านในแบบ Brava by Brius ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

Invisalign_Female_With_clear_aligner_6
การจัดฟันแบบใส Invisalign
70,000 - 160,000 บาท

Invisalign เป็นหนึ่งในทางเลือกจัดฟันที่ตรงใจใครหลายคน ด้วยคุณสมบัติ “ใส สบาย ถอดได้” ซึ่งช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากและความกังวลเรื่องความสวยงาม แถมยังตอบโจทย์ด้านการรักษาสุขอนามัยช่องปาก เพราะถอดออกทำความสะอาดได้ตามต้องการ ทำให้ฟันของคุณได้รับการจัดเรียงอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อไลฟ์สไตล์ หากคุณต้องการจัดฟันแบบที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน การจัดฟันแบบใสคือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

20250408_1231_Orthodontic Surgery Transformation_simple_compose_01jr9y3rg8fwbv1g7xq9b833bf
จัดฟันแบบผ่าตัด
60,000 - 80,000 บาท

การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการรักษาสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างขากรรไกรระดับซับซ้อน ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันอย่างเดียว การผ่าตัดนี้จะช่วยปรับสมดุลโครงหน้า แก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติ รวมถึงทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งเรื่องการเคี้ยวอาหาร ความสวยงาม และความมั่นใจ โดยกระบวนการรักษาจะต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์และตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้รับการรักษามากที่สุด

ฟันห่าง (Spacing Teeth)

ลักษณะอาการ

  • มีช่องว่างระหว่างฟันมากเกินไป
  • มักจะทำให้มีเศษอาหารติดได้ง่าย
  • ส่งผลต่อรูปลักษณ์โดยรวม ทำให้ขาดความมั่นใจ

สาเหตุหลัก

  1. ขนาดของขากรรไกรใหญ่กว่าขนาดของฟัน
    • เมื่อขากรรไกรกว้าง หรือมีพื้นที่ในช่องปากมาก แต่ฟันมีขนาดเล็กหรือจำนวนน้อย ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างซี่ฟัน
  2. ฟันหลุดก่อนกำหนด
    • ถ้าฟันน้ำนมหลุดเร็วเกินไป หรือฟันแท้บางซี่ถอนออกไปก่อนเวลา อาจทำให้เกิดช่องว่างขึ้น
  3. นิสัยบางอย่าง
    • การใช้ลิ้นดุนฟัน หรือดูดนิ้ว สามารถเป็นปัจจัยให้เกิดช่องระหว่างฟัน

การสบฟันลึก (Deep Bite)

ลักษณะอาการ

  • ฟันหน้าบนกัดลงมาบดบังฟันหน้าล่างมากเกินไป
  • ในบางกรณี ฟันหน้าบนสบลึกจนมองไม่เห็นฟันหน้าล่างเลย
  • หากเป็นมาก ฟันหน้าล่างอาจไปกดบนเหงือกด้านในของฟันบนจนเกิดบาดแผลหรือเหงือกอักเสบ

สาเหตุหลัก

  1. กระดูกขากรรไกรและโครงสร้างใบหน้า
    • หากขากรรไกรบนอยู่ในตำแหน่งที่หมุนเอียงมาทางด้านหน้า หรือขากรรไกรล่างสั้น อาจทำให้การสบฟันลึกลง
  2. การสึกของฟันหลัง
    • หากฟันกรามหรือฟันหลังมีการสึกหรอ จะทำให้ระยะสบฟันด้านหน้าลึกขึ้น
  3. พันธุกรรมและการเจริญเติบโต
    • ลักษณะการเจริญของใบหน้าและขากรรไกรจากพันธุกรรมอาจทำให้เกิด Deep Bite

การสบฟันเปิด (Open Bite)

ลักษณะอาการ

  • เมื่อกัดฟันแล้ว ฟันหน้าบนและฟันหน้าล่างไม่สามารถสัมผัสกันได้
  • ทำให้ไม่สามารถใช้ฟันหน้ากัดหรือฉีกอาหารได้
  • ส่งผลต่อการออกเสียง การพูด และการเคี้ยว

สาเหตุหลัก

  1. พฤติกรรมการดูดนิ้วหรือกัดสิ่งของ
    • การดูดนิ้ว ดูดจุกนม หรือกัดเล็บเรื้อรังในวัยเด็ก ส่งผลให้ฟันหน้าดันเปิด
  2. การดันลิ้น (Tongue Thrusting)
    • เมื่อลิ้นดุนฟันหน้าเป็นประจำ ทำให้ฟันหน้าถูกผลักออกไปด้านนอก และไม่สบกัน
  3. โครงสร้างขากรรไกร
    • อาจมาจากการเจริญเติบโตของขากรรไกรบนหรือล่างที่ผิดปกติ หรือความไม่สมดุลระหว่างขากรรไกร

ฟันยื่น (Large Overjet)

ลักษณะอาการ

  • ฟันหน้าบนยื่นออกมามากเกินไป ทำให้เห็นว่าฟันบนอยู่ไกลจากฟันล่าง
  • บางกรณีเกิดจากฟันล่างถอยไปด้านหลังมากเกินไป
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของฟันหน้า (เช่น ฟันกระแทกหรือแตกหัก)

สาเหตุหลัก

  1. พันธุกรรม
    • หากพ่อแม่มีฟันบนยื่น ลูกอาจมีลักษณะเดียวกัน
  2. ขากรรไกรล่างเจริญไม่เต็มที่
    • ทำให้ดูเหมือนฟันบนยื่น ทั้งที่อาจเป็นเพราะขากรรไกรล่างสั้นหรืออยู่ด้านหลัง
  3. นิสัยในวัยเด็ก
    • ดูดนิ้วหรือใช้จุกนมนานเกินไป มีส่วนทำให้ฟันหน้ายื่น

การสบฟันไขว้ (Crossbite)

ลักษณะอาการ

  • ฟันล่างบางซี่ หรือหลายซี่ สบอยู่ด้านนอกของฟันบน
  • ฟันหน้าจึงไม่สามารถสบกันตามปกติ ทำให้เคี้ยวลำบาก หรือกัดอาหารได้ไม่เต็มที่
  • ในบางรายอาจส่งผลต่อการเจริญของขากรรไกร และทำให้เกิดใบหน้าเบี้ยวเล็กน้อย

สาเหตุหลัก

  1. ความผิดปกติของการเติบโตขากรรไกร
    • ขากรรไกรล่างอาจเติบโตมากเกินไป หรือขากรรไกรบนเติบโตน้อยเกินไป
  2. ฟันขึ้นผิดตำแหน่ง
    • ฟันบางซี่ขึ้นเอียงหรือเรียงตัวไม่ถูกต้อง
  3. พฤติกรรมการใช้ลิ้นหรือท่าทางการเคี้ยว
    • ส่งผลให้ฟันบางตำแหน่งสบไขว้ได้

ฟันกัดเบี้ยว (Midline Shift)

ลักษณะอาการ

  • เส้นกึ่งกลางของฟันหน้าบนและล่างไม่ตรงกัน (Midline ไม่ตรง)
  • บางกรณี เส้นกึ่งกลางฟันบนล่างตรงกันแต่ทั้งคู่เบี้ยวจากกึ่งกลางใบหน้า
  • ส่งผลต่อรูปลักษณ์ ทำให้ขาดความมั่นใจ

สาเหตุหลัก

  1. การถอนฟันบางซี่
    • หากถอนฟันบางตำแหน่งก่อนกำหนด อาจทำให้ฟันซี่อื่น ๆ ล้มเข้าหาช่องว่าง ดึงมุมของฟันหน้าผิดตำแหน่ง
  2. การขึ้นของฟันแบบผิดปกติ
    • ฟันบางซี่ขึ้นช้าหรือขึ้นไม่ได้ในแนวปกติ
  3. พฤติกรรมการเคี้ยวหรือการสบฟันด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าปกติ
    • ทำให้แนวฟันเคลื่อนตัวไปทางด้านที่ใช้งานบ่อย

ทันตแพทย์บริการด้าน การจัดฟัน

10
ทพ. ปวัน กอบกิจสกุล
จัดฟันใส จัดฟันดามอน จัดฟันโลหะ
จัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

เลือกภาษา