อุดฟัน
ข้อมูลเกี่ยวกับ อุดฟัน

การอุดฟัน คือ กระบวนการบูรณะฟันที่ได้รับความเสียหายจากฟันผุหรือการแตกหักเล็กน้อย โดยทันตแพทย์จะเริ่มด้วยการทำความสะอาดส่วนที่มีฟันผุหรือติดเชื้อออกอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อโรคเหลืออยู่ในฟัน จากนั้นจะใช้วัสดุอุดฟันเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันการผุเพิ่มเติม วัสดุอุดฟันยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของฟัน ทำให้ฟันกลับมาแข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติ

กระบวนการอุดฟัน

การอุดฟัน คือ กระบวนการบูรณะฟันที่ได้รับความเสียหายจากฟันผุหรือการแตกหักเล็กน้อย โดยทันตแพทย์จะเริ่มด้วยการทำความสะอาดส่วนที่สึกผุหรือติดเชื้อออกอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้มีเนื้อโรคหลงอยู่ในฟัน จากนั้นจะใช้วัสดุอุดฟันเข้าแทนที่ส่วนที่สึกผุเพื่อป้องกันการผุลุกลามใช้งานต่อเหมือนกับการบูรณะของฟัน ทำให้ฟันกลับมาแข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติ

วัสดุอุดฟันแต่ละประเภทมีข้อดีที่แตกต่างกัน:

  • อมัลกัม มีความทนทานและใช้ในฟันกรามที่ต้องรับแรงบดเคี้ยว
  • คอมโพสิตเรซิน มีสีเหมือนฟันธรรมชาติ  ทนต่อแรงบดเคี้ยว  จึงนิยมใช้ในฟันหน้าหรือบริเวณที่มองเห็นได้ชัด และปัจจุบันวัสดุพัฒนามีความแข็งแรงและยืดหยุ่นใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นวัสดุอุดฟันทั้งฟันหน้าและฟันหลัง
  • กลาสไอโอโนเมอร์ซีเมนต์  วัสดุสีเหมือนฟันที่สามารถปลดปล่อยฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุแต่ไม่ทนทานต่อแรงบดเคี้ยวสูงเหมือนการอุดฟันประเภทอื่น
การอุดฟันเพื่อความสวยงาม (Cosmetic Dental Bonding)

การอุดฟันเพื่อความสวยงาม คือ การใช้วัสดุคอมโพสิตเรซินในการแก้ไขปัญหาด้านความสวยงามของฟัน โดยไม่จำเป็นต้องมีการรักษาฟันผุ วัสดุที่ใช้จะมีสีเหมือนฟันธรรมชาติ สามารถปรับแต่งรูปร่างและสีให้กลมกลืนกับฟันข้างเคียง

ข้อบ่งชี้ในการอุดฟันเพื่อความสวยงาม:

    1. ปิดช่องว่างระหว่างฟัน (Diastema) – แก้ไขปัญหาฟันห่าง โดยเฉพาะฟันหน้าบน
    2. แก้ไขฟันที่มีรูปร่างผิดปกติ – เช่น ฟันเล็กกว่าปกติ หรือมีรูปร่างไม่สมมาตร
    3. ซ่อมแซมฟันที่บิ่น แตก หรือสึก
    4. ปรับแต่งความยาวของฟันให้สมดุล
    5. ปิดช่องว่างเล็กๆ ที่เกิดจากการสูญเสียฟัน
ค่าบริการ 800-3,000 บาท
ให้บริการ ทุกวัน

การดูแลหลังการอุดฟัน: แนวทางปฏิบัติเพื่อรักษาสุขภาพฟันแข็งแรงและป้องกันฟันผุในอนาคต

การอุดฟันเป็นหนึ่งในขั้นตอนทางทันตกรรมที่พบได้บ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการอุดเพื่อรักษาอาการฟันผุ หรือการอุดเพื่อบูรณะฟันที่บิ่น แตก หรือเสียหายจากอุบัติเหตุต่างๆ เป้าหมายสำคัญของการอุดฟันก็คือการป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียและเศษอาหารสะสมบริเวณที่เสียหาย อันจะส่งผลให้ปัญหาลุกลามยิ่งขึ้น ในปัจจุบัน ด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่ทันสมัย การอุดฟันสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และลดความเจ็บปวดลงได้มาก

อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนอาจสงสัยว่า “หลังการอุดฟัน ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้วัสดุอุดฟันอยู่ได้ทนทาน และไม่เกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนตามมา?” บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงรายละเอียดการดูแลหลังการอุดฟัน ตลอดจนแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้การอุดฟันของคุณอยู่ทน มีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างสุขภาพฟันที่แข็งแรงในระยะยาว


1. รู้จักกับ “การอุดฟัน” และความสำคัญในการรักษาฟัน

  1. ทำไมต้องอุดฟัน
    • แก้ไขฟันผุ: สารแบคทีเรียที่สะสมตามผิวฟัน เมื่อใช้น้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตเป็นอาหาร จะผลิตกรดที่กัดกร่อนเคลือบฟันจนทำให้เกิดรูผุ การอุดฟันจึงเป็นการกำจัดรอยผุนั้นออกและเติมเต็มช่องว่างด้วยวัสดุอุด
    • ซ่อมแซมฟันที่เสียหายจากอุบัติเหตุ: ฟันที่บิ่นหรือแตก (เช่น จากการกระแทก) หากไม่บูรณะอาจทำให้โครงสร้างฟันอ่อนแอ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการผุต่อไป
    • ป้องกันความลุกลามของปัญหาช่องปาก: การปล่อยให้ฟันเสียหายโดยไม่ซ่อมแซม อาจนำไปสู่การติดเชื้อถึงรากฟัน ปวดฟัน หรือจำเป็นต้องถอนฟันในที่สุด
  2. วัสดุอุดฟันมีอะไรบ้าง
    • อะมัลกัม (Amalgam): วัสดุสีโลหะซึ่งใช้มานาน มีความทนทานและราคาย่อมเยา แต่มีสีแตกต่างจากฟันธรรมชาติ
    • คอมโพสิตเรซิน (Composite Resin): วัสดุสีเหมือนฟัน เหมาะกับการอุดบริเวณฟันหน้า เพื่อความสวยงาม แต่ความทนทานอาจน้อยกว่าวัสดุโลหะในระยะยาว
    • แก้วไอโอโนเมอร์ (Glass Ionomer Cement): มักใช้ในเด็กหรือผู้ที่มีปัญหาฟันผุมาก โดยวัสดุชนิดนี้ปล่อยฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ แต่ความแข็งแรงอาจน้อยกว่าเรซิน
    • ทอง (Gold) และพอร์ซเลน (Porcelain): มีความแข็งแรงสูง ทนทานยาวนาน และมีความสวยงาม แต่ราคาสูงกว่า
  3. ขั้นตอนการอุดฟันโดยสังเขป
    • ตรวจสุขภาพช่องปาก ถ่ายภาพ X-ray (ถ้าจำเป็น)
    • กำจัดรอยผุหรือเนื้อฟันที่เสียหาย
    • เตรียมพื้นที่และใส่วัสดุอุดฟันตามชนิดที่เลือก
    • ปรับแต่งรูปทรงและขัดผิววัสดุให้เรียบเสมอกับผิวฟันตามปกติ

2. อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังการอุดฟัน

  1. อาการเสียวฟันหรือปวดเล็กน้อย
    • หลังการอุดฟันใหม่ๆ ผู้ป่วยหลายคนอาจมีอาการเสียวฟันหรือรู้สึกปวดเล็กน้อยเมื่อสัมผัสความร้อน ความเย็น หรือเมื่อเคี้ยวอาหารแข็ง
    • อาการนี้ถือเป็นอาการปกติที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบๆ บริเวณที่ทำหัตถการ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
  2. ความไม่สบายในการเคี้ยวหรือกัด
    • เนื่องจากวัสดุอุดฟันและเนื้อฟันธรรมชาติอาจมีความแข็งและความยืดหยุ่นต่างกันเล็กน้อย ผู้ป่วยบางคนอาจรู้สึก “ขัดๆ” เมื่อกัดหรือเคี้ยวอาหารในช่วงแรก
    • ในกรณีที่วัสดุอุดสูงเกินไป อาจรู้สึกปวดหรือมีอาการกระแทกเมื่อกัดฟัน ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับแต่ง
  3. ความไวต่ออุณหภูมิ (Temperature Sensitivity)
    • ฟันที่อุดใหม่อาจตอบสนองต่ออาหารร้อนหรือเย็นมากกว่าปกติ
    • หากอาการเสียวฟันนี้ไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการปวดขึ้นอย่างฉับพลัน ควรปรึกษาทันตแพทย์

3. การดูแลตัวเองหลังการอุดฟัน: เทคนิคและแนวปฏิบัติที่ควรรู้

  1. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งๆ ในบริเวณที่เพิ่งอุดฟัน
    • ในช่วง 1-2 วันแรก หรือช่วงที่วัสดุอุดฟันยังตั้งตัวไม่เต็มที่ ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวในบริเวณฟันที่เพิ่งอุด
    • อาหารแข็ง (เช่น น้ำแข็ง กระดูกอ่อน ขนมขบเคี้ยวที่แข็ง) อาจทำให้วัสดุอุดมีโอกาสหลุดหรือแตกร้าวได้
  2. ระมัดระวังการกัดกระแทก
    • หากรู้สึกว่าฟันที่อุดมีความสูงกว่าเนื้อฟันปกติ อาจกัดแล้วกระแทกกับฟันคู่สบ (ฟันบนหรือล่าง)
    • ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบหรือปรับให้ระดับเท่าเดิม ป้องกันอาการปวดหรือบาดเจ็บของขากรรไกร
  3. รักษาความสะอาดของฟันอย่างเคร่งครัด
    • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และเทคนิคการแปรงที่ถูกต้อง
    • ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันเพื่อทำความสะอาดบริเวณขอบวัสดุอุดฟัน ซึ่งอาจเป็นจุดสะสมของคราบจุลินทรีย์ได้
    • การดูแลสุขอนามัยช่องปากอย่างต่อเนื่องจะช่วยป้องกันการเกิดฟันผุใหม่ หรืออาการอักเสบของเหงือก
  4. ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ
    • ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หรือตามคำแนะนำเฉพาะของคุณหมอ เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของวัสดุอุดฟันและสุขภาพช่องปากโดยรวม
    • หากมีอาการปวด บวม หรือรู้สึกไม่ปกติ ควรเข้ารับการตรวจอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาได้ทันท่วงที
  5. หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
    • น้ำตาลเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การลดหรืองดเครื่องดื่มและอาหารที่มีน้ำตาลสูง รวมถึงขนมขบเคี้ยวหวานๆ เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันฟันผุซ้ำได้ดี
    • หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรบ้วนปากหรือแปรงฟันทันทีหลังรับประทาน
  6. หลีกเลี่ยงการกัดเล็บหรือใช้ฟันเปิดฝาขวด
    • พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้วัสดุอุดฟันแตก หรือเกิดรอยร้าวในเนื้อฟันได้

4. ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าการอุดฟันจะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีโอกาสเกิดปัญหาต่างๆ ได้ หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที

  1. แพ้วัสดุอุดฟัน
    • อาจพบในกรณีที่คนไข้แพ้สารประกอบในวัสดุบางชนิด เช่น อะมัลกัมที่มีสารปรอทผสม หากมีอาการปวด บวม หรือคันในบริเวณที่อุด ควรเข้ารับการตรวจโดยด่วน
  2. อาการปวดรุนแรงภายในฟัน
    • หากวัสดุอุดอยู่ใกล้กับประสาทฟันมากเกินไป หรือมีการอักเสบในโพรงประสาทฟันที่ยังไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดอาการปวดหรือเสียวฟันอย่างรุนแรงภายหลัง
    • กรณีนี้อาจจำเป็นต้องถอดวัสดุอุดออก และรักษารากฟัน (Root Canal Treatment)
  3. วัสดุอุดฟันหลุด
    • อาจเกิดจากการเคี้ยวอาหารแข็ง หรือปฏิบัติไม่ถูกวิธีในช่วงแรกๆ หลังการอุด
    • ถ้าวัสดุอุดหลุดหรือแตก ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการบูรณะใหม่โดยเร็ว
  4. การเกิดฟันผุใหม่รอบวัสดุอุด
    • หากไม่ทำความสะอาดอย่างทั่วถึง อาจเกิดการสะสมคราบจุลินทรีย์บริเวณขอบของวัสดุอุด และนำไปสู่การผุต่อเนื่องได้

5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการดูแลหลังอุดฟัน

  1. หลังอุดฟันเสร็จทันที เคี้ยวอาหารได้เลยไหม?
    • ส่วนใหญ่ทันตแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้านที่อุดฟันประมาณ 1-2 ชั่วโมงแรก เพื่อให้วัสดุอุดเซ็ตตัวดี (โดยเฉพาะถ้าเป็นการอุดด้วยวัสดุที่ใช้แสงในการแข็งตัวหรือวัสดุที่ต้องรอการตั้งตัว)
    • แต่หากเป็นวัสดุอุดที่ใช้ระบบการส่องแสง (Light Cure) มักเซ็ตตัวเร็ว สามารถกลับมาเคี้ยวเบาๆ ได้ในเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม ควรเน้นอาหารอ่อนในช่วงแรก
  2. หลังการอุดฟัน ควรใช้ไหมขัดฟันหรือเปล่า?
    • ควรใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดซอกฟัน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันคราบจุลินทรีย์ที่อาจสะสมรอบขอบวัสดุอุด
    • ในช่วง 1-2 วันแรก อาจต้องระมัดระวังไม่กดแรงเกินไป เพื่อป้องกันการกระแทกวัสดุอุด
  3. ทำไมฟันที่อุดแล้วจึงยังมีอาการเสียวเป็นบางครั้ง?
    • ฟันที่ได้รับการอุดมักอ่อนไหวต่ออุณหภูมิและแรงกัดในช่วงแรก
    • อาการนี้มักบรรเทาลงภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากอาการเสียวหรือปวดไม่ทุเลา ควรเข้ารับการตรวจซ้ำ
  4. ถ้าอุดฟันด้วยอะมัลกัมจะเป็นอันตรายหรือไม่?
    • อะมัลกัมมีส่วนผสมของปรอท แต่ในปริมาณที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูงในระดับที่ยอมรับได้
    • อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยกังวลเรื่องความสวยงามหรือความเป็นไปได้ของการแพ้สารบางชนิด สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกใช้วัสดุชนิดอื่นได้
  5. เมื่อไรควรเปลี่ยนวัสดุอุดฟันใหม่?
    • หากวัสดุอุดสึกกร่อน หลวม หรือมีอาการผุใต้วัสดุอุด รวมถึงเมื่อเวลาผ่านไปนานมากจนวัสดุอุดไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบ
    • การเปลี่ยนวัสดุอุดใหม่ขึ้นอยู่กับการตรวจพบปัญหาและการพิจารณาของแพทย์

6. iConic Dental Clinic: ผู้เชี่ยวชาญด้านการอุดฟันด้วยวัสดุคุณภาพสูง

การเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีมาตรฐานสูงและทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการอุดฟันเป็นไปอย่างราบรื่น มีความปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจยาวนาน

  • ทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ: ที่ iConic Dental Clinic เรามีทันตแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมด้านการอุดฟันและบูรณะฟันโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถรับมือกับเคสที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • วัสดุอุดฟันคุณภาพสูง: เราเลือกใช้วัสดุอุดฟันเกรดพรีเมียม ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัย มีทั้งวัสดุที่เหมือนสีฟันตามธรรมชาติ และวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงกัดเคี้ยว
  • เครื่องมือทันสมัย: การอุดฟันด้วยเครื่องมือดิจิทัลและเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้ได้ผลการรักษาที่แม่นยำ สะดวก และรวดเร็ว
  • ความสะดวกสบายของผู้ป่วย: คลินิกให้บรรยากาศเป็นกันเอง และมีมาตรฐานความสะอาดปลอดเชื้อที่เข้มงวด ให้ผู้ป่วยวางใจได้ตลอดการรักษา
  • บริการคำปรึกษาครบวงจร: เราให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิธีดูแลหลังการอุดฟัน และคำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกวัสดุอุดฟันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

7. เคล็ดลับเพิ่มเติมในการดูแลสุขภาพฟันในระยะยาว

  1. การเลือกยาสีฟันและแปรงสีฟัน
    • เลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ ช่วยเสริมสร้างเคลือบฟันให้แข็งแรง ลดการเสี่ยงต่อการผุซ้ำ
    • เลือกแปรงสีฟันขนนุ่มและเปลี่ยนเป็นประจำทุก 3-4 เดือน หรือเมื่อขนแปรงบาน
  2. ลดปริมาณน้ำตาลและอาหารที่ทำลายฟัน
    • การดื่มน้ำอัดลม ขนมหวาน หรือน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ควรจำกัดหรือดูแลความถี่ และบ้วนปากหลังจากรับประทาน
    • เลี่ยงของขบเคี้ยวกรุบกรอบที่สามารถสร้างแรงกระแทกต่อวัสดุอุดหรือเคลือบฟัน
  3. เคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล
    • การเคี้ยวหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลายและลดกรดในช่องปาก
    • แต่ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งเกินความจำเป็นหรือใช้ฟันเพิ่งอุดไปเคี้ยวอย่างรุนแรง
  4. การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างองค์รวม
    • หมั่นตรวจสอบสภาพเหงือก หากมีเลือดออกขณะแปรงฟันหรือเหงือกบวมแดง ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบ
    • การจัดฟันหรือรักษาโรคเหงือกให้ถูกวิธี ก็เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันปัญหาฟันเสียหายรอบต่อไป

8. บทสรุป

การอุดฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาฟันผุหรือฟันเสียหาย และช่วยรักษาโครงสร้างฟันให้แข็งแรง สามารถใช้งานได้ตามปกติในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การดูแลหลังการอุดฟันก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากระบวนการอุดฟันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลังการทำหัตถการ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งๆ ใช้เทคนิคการทำความสะอาดช่องปากที่ถูกต้อง และเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันสม่ำเสมอ เมื่อพบอาการผิดปกติ เช่น ปวดรุนแรง วัสดุอุดหลุด หรือเสียวฟันต่อเนื่อง ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์โดยทันที

ที่ iConic Dental Clinic เราให้บริการอุดฟันด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้การอุดฟันของคุณมีประสิทธิผลดีที่สุดและคงทนยาวนาน ด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการรักษา เรามุ่งหวังให้คุณมั่นใจได้ว่าการอุดฟันจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นฐานสุขภาพช่องปากที่ดี ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสและความสามารถในการเคี้ยวอาหารอย่างมั่นใจอีกครั้ง

อย่าลืมว่า สุขภาพฟันที่ดีเริ่มต้นจากการป้องกัน ฟันที่อุดแล้วก็ยังมีโอกาสกลับมาผุซ้ำได้ หากละเลยการดูแล อย่ารอให้มีอาการปวดหรือมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วค่อยแก้ไข แต่ควรพบแพทย์ทันตกรรมเป็นประจำ หมั่นรักษาความสะอาดของช่องปาก และรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถคงความแข็งแรงและความสวยงามของฟันได้อย่างยาวนาน!

ทันตแพทย์บริการด้าน อุดฟัน

14
ทพญ. กันยธรณ์ เตียรถ์สุวรรณ
ทันตกรรมทั่วไป
13
ทพญ. ปภาวรินทร์ บุญเกิด
ทันตกรรมทั่วไป
7
ทพญ.พีรดา หิมะเจริญ
ทันตกรรมทั่วไป
3
ทพญ.ปิยานันต์ สุขวรกิจวนิช
ครอบฟัน สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้
9
ทพ.ริตินนท์ จงตั้งปิติ
วีเนียร์ ครอบฟัน สะพานฟัน ฟันปลอมถอดได้
Dentist-A-2
ทพญ.ปรัชนันท์ กอบกิจสกุล
ทันตกรรมทั่วไป อุดฟันเพื่อความสวยงาม

เลือกภาษา